โฟมล้างหน้าลดสิว ยอดนิยม สำหรับผิวมีแนวโน้มระคายเคืองง่าย จบปัญหาสิวได้อย่างหมดจด แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญ
ผิวของเราประกอบไปด้วย 3 ชั้นหลัก ๆ ซึ่งต่อมไขมันถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่กินพื้นที่ผิวไปถึงสองชั้นเลย คือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และ ผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ต่อมไขมันโดยปกติแล้วจะมีหน้าที่ในการขับไขมันหรือที่เรียกว่า Sebum ออกมาเพื่อเคลือบคลุมและให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่เมื่อมีการผลิตที่มากจนเกินไป ประกอบกับความไม่สมดุลของจุลินทรีย์บนผิว ย่อมทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ อีกทั้งการผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติ ทำให้มีเซลล์ผิวที่ตายแล้วมาอุดตันอยู่ที่ปากท่อรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นสิวขึ้นมานั่นเอง สิวจึงมีทั้งแบบสิวอุดตันธรรมดา และสิวอักเสบ ซึ่งหากไม่รีบดูแลรักษาอาจลุกลามกลายเป็นการติดเชื้อ มีหนองซึ่งยากต่อการรักษาไปอีก การเข้าใจถึงสาเหตุการเกิดสิวจึงช่วยให้เรารักษาสิวได้อย่างถูกวิธี
เชื่อว่าหลาย ๆ คนกำลังมีปัญหาสิวอยู่ หรือไม่ก็เป็นคนที่หน้ามันและสิวมีโอกาสขึ้นได้ง่าย โดยเมื่อเจอกับปัจจัยหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวัน สิวก็ขึ้นทันที วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสิว การดูแลรักษาแบบง่าย ๆ โดยใช้คลีนเซอร์ หรือโฟมล้างหน้าลดสิวกัน
- สรุปปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวแบบง่ายๆ
- โฟมล้างหน้าลดสิว คืออะไร
- แนะนำ 3 โฟมล้างหน้าลดสิว ยอดนิยม สำหรับผิวระคายเคืองง่าย
- ส่วนประกอบสำคัญของโฟมล้างหน้าลดสิว
- เคล็ดลับการดูแลผิวหน้า เพื่อป้องกันการเกิดสิวด้วยตนเอง
- ข้อควรระวังในการใช้โฟมล้างหน้าลดสิว
- สรุป
สรุปปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวแบบง่ายๆ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว มีด้วยกันหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายนอก อย่างเช่น ฝุ่นควัน มลภาวะ รังสี UV รวมไปถึงสภาพอากาศ เช่น อากาศร้อน ที่ส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ การรับประทานอาหารที่ไม่สมดุล นอกจากนี้ยังมี ปัจจัยภายใน อาทิ ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ความเครียดสะสม การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และปัจจัยทางกรรมพันธุ์ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แต่ละคนผลิตไขมันบนใบหน้าออกมาไม่เท่ากัน ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เอื้อต่อกลไกการเกิดสิว 4 ข้อ ดังนี้
1. การผลิตเซลล์ผิวที่มากผิดปกติ
ทำให้มีเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอยู่ที่ผิวชั้นบน และมีโอกาสที่จะเกิดการอุดตันได้ตลอดเวลา
2. การผลิตน้ำมันที่มากผิดปกติ
ของต่อมไขมัน ซึ่งปกติ Sebum หรือไขมันตามธรรมชาติบนผิวหน้าจะทำหน้าที่เคลือบคลุมผิว และให้ความชุ่มชื้นกับผิว แต่ถ้ามีมากเกินปกติจะทำให้สามารถไปผสมกับเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพในข้อ 1 และทำให้มีโอกาสอุดตันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้การมีน้ำมันในปริมาณมาก ทำให้แบคทีเรียและเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นตัวร้ายเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่การอักเสบต่อไปได้
3. ความไม่สมดุลของแบคทีเรีย
และจุลินทรีย์ที่อยู่บนผิว โดยความไม่สมดุลของ S.epidermidis และ C.acnes ทำให้มีการหลั่งสารที่ก่อการอักเสบที่ชั้นผิว มีอาการบวมแดงเกิดขึ้น
4. เกิดการอักเสบ
และติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนจากแบคทีเรียตัวร้าย อย่างเช่น S.aureus ทำให้เกิดเป็นสิวหัวหนอง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่พบว่า เมื่อมีปัญหาสิวเกิดขึ้น ระดับ เซราไมด์ที่อยู่ในผิวจะมีปริมาณลดลง จึงเอื้อให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ดังนั้นหากเราต้องการจัดการกับปัญหาสิว ควรดูแลให้ครบทุกกลไกการเกิดสิว และต้องมีการจัดการที่ต้นเหตุที่สำคัญ นั่นก็คือความันส่วนเกิน จัดการกับสมดุลของแบคทีเรีย อีกทั้งต้องทำให้ชั้นปราการผิวแข็งแรงเพื่อให้ผิวไม่ง่ายต่อการติดเชื้อนั่นเอง
โฟมล้างหน้าลดสิว คืออะไร
โฟมล้างหน้าลดสิว คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการอุดตันออกไปได้อย่างหมดจด อย่างที่ได้กล่าวไว้ในหัวข้อที่แล้ว ความมันส่วนเกินคือปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว อีกทั้งการอุดตันของเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้เกิดหัวสิวหรือที่เราเรียกว่า โคมีโดน (Comedone) และเมื่อปราการผิวไม่แข็งแรง ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ง่ายยิ่งขึ้น ดังนั้น การจัดการกับปัญหาสิวจึงมักจะมีสาร active ingredient ที่ไปจัดการกับสาเหตุดังกล่าว อาทิ
- สารกลุ่มที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น Zn PCA, Airlicium หรือ สารที่มาจากธรรมชาติอย่างเช่น Clay ที่เข้าไปดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้
- สารกลุ่มที่ช่วยสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน อย่างเช่น Salicylic acid หรือที่เรารู้จักกันในนาม BHA ซึ่งสารตัวนี้จะมีความชอบหรือละลายในไขมันได้ดี จึงสามารถซึมเข้าสู่ต่อมไขมันได้ดีกว่ากรดชนิดอื่น ๆ และสามารถที่จะสลายสิ่งอุดตันที่อยู่ในรูขุมขนได้ดีเป็นพิเศษ นอกจากนี้ Salicylic acid ยังมีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่ง คือ สามารถรบกวนการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ด้วย
- สารกลุ่มที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ สารจำพวก PHA หรือ AHA อย่างเช่น Glycolic acid และ Lactic acid ที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่ผิวชั้นบนออก จึงมีส่วนช่วยในการลดรอยสิว และทำให้ผิวดูกระจ่างใส
- สารที่ช่วยทำให้ปราการผิวแข็งแรง อย่างเช่น เซราไมด์ ชนิดที่จำเป็นต่อผิว ซึ่งก็คือ Ceramide 1,3,6-II ที่เข้าไปเสริมชั้นปราการผิว ทำให้ปราการผิวแข็งแรงและยากต่อการที่แบคทีเรียตัวร้ายจะเข้ามาโจมตี
การใช้โฟมล้างหน้าลดสิวที่มีส่วนผสมต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ข้างต้น ย่อมช่วยลดปัญหาสิวได้ดียิ่งขึ้น และได้ผลมากกว่าการใช้สกินแคร์เพื่อลดสิวเพียงอย่างเดียว
แนะนำ 3 โฟมล้างหน้าลดสิว ยอดนิยม สำหรับผิวระคายเคืองง่าย
เซราวี เวชสำอางที่แพทย์ผิวหนังในสหรัฐอเมริกาแนะนำเป็นอันดับหนึ่ง จึงออกแบบโฟมล้างหน้าให้เหมาะกับสภาพผิว และปัญหาผิวที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน ดังนี้
เซราวี เบลมมิช คอนโทรล คลีนเซอร์
เซราวี เบลมมิช คอนโทรล คลีนเซอร์ ด้วยส่วนผสมของ 2% Salicylic acid ที่เข้าสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้อย่างล้ำลึก อีกทั้ง Purifying Clay ที่เข้าดูดซับน้ำมันส่วนเกินบนผิว ช่วยลดความมันบนใบหน้าซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมี เซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว 3 ชนิด คือ เซราไมด์ 1,3,6-II ที่ช่วยทำให้ปราการผิวแข็งแรง ด้วยการทำงานของส่วนผสมต่าง ๆ เหล่านี้จึงทำให้ความมันดูลดลง1 สิวลดลงใน 7 วัน2,3 อีกทั้งเสริมปราการผิวให้แข็งแรงอีกด้วย
เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์
เซราวี โฟมมิ่ง คลีนเซอร์ ทำความสะอาดได้อย่างสะอาดหมดจด ฟองโฟมนุ่ม ทำความสะอาดได้ล้ำลึก เหมาะสำหรับผิวผสม-ผิวมัน และยังมีงานวิจัยด้วยว่า สามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวได้อย่างปลอดภัย4
เซราวี เอสเอ สมูธติ้ง คลีนเซอร์
เซราวี เอสเอ สมูธติ้ง คลีนเซอร์ เป็นสูตรอ่อนโยนเหมือนสองสูตรแรกเลย แต่มีฟีเจอร์สำหรับคนที่อยากได้ผิวหน้าที่เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น และคนที่มีผิวแห้ง มีสิว* หรือขนคุดตามลำตัว ซึ่งคลีนเซอร์สูตรนี้มีส่วนผสมของ ซาลิไซลิก แอซิด และ PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หมองคล้ำและช่วยเผยผิวกระจ่างใสได้เร็วยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทำร้ายชั้นปราการผิว
ส่วนประกอบสำคัญของโฟมล้างหน้าลดสิว
โฟมล้างหน้าทั้ง 3 สูตรของเซราวี ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง อาทิ
- เซราไมด์ 1 : เสริมความแข็งแรงของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ผิว5
- เซราไมด์ 3 : ช่วยคงความชุ่มชื่นในระยะยาว6
- เซราไมด์ 6-II : เป็น Natural Moisturizing Factor หรือ สารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวตามธรรมชาติ7
และด้วยสูตรที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางมีแนวโน้มระคายเคืองง่าย Hypoallergenic ให้เนื้อสัมผัสฟองโฟมนุ่ม สบายผิว ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) มีค่า pH Balance เหมาะกับผิวสุขภาพดี อีกทั้งปราศจากปัจจัยที่จะทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง เพราะปราศจากน้ำหอม สารแต่งสี และ สารกันเสียพาราเบน
เคล็ดลับการดูแลผิวหน้า เพื่อป้องกันการเกิดสิวด้วยตนเอง
เคล็บลับการดูแลผิวหน้าสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว นอกจากจะใช้โฟมล้างหน้าลดสิวแล้ว การดูแลผิวในขั้นตอนอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ขอแนะนำ 4 เคล็ดลับการดูแลผิวหน้าง่าย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดสิวด้วยตนเอง
-
ล้างเครื่องสำอางก่อนนอน
สำหรับผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำน่าจะทราบดีอยู่แล้วว่า หากล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด จะทำให้เกิดการอุดตัน และสิ่งที่ตามมาคือการเกิดสิว ดังนั้นการล้างหน้าให้สะอาดโดยเช็ดเครื่องสำอางออกอย่างหมดจดถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อลดโอกาสของการเกิดสิ่งสปรกอุดตันในรูขุมขน อันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
-
ไม่สัมผัสบริเวณที่เกิดสิว
สิ่งที่คนเป็นสิวควรหักห้ามใจ คือ อย่านำมือไปสัมผัสบริเวณที่เป็นสิวโดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่ได้ล้างมือ เนื่องจากมือของเราอาจไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกหรือเชื้อแบคทีเรียมา ซึ่งจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวได้
-
หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน
ความมันเป็นอีก 1 สาเหตุที่ทำให้เกิดสิว สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว แนะนำให้หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน เพราะอาจทำให้เกิดความมันบนใบหน้าเพิ่มมากขึ้นได้
ข้อควรระวังในการใช้โฟมล้างหน้าลดสิว แนะนำจากเภสัชกร
เภสัชกร บดินทร์ หลักทอง เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ จบการศึกษา เภสัชศาสตร์บัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เฉพาะทางสาขาเทคโนโลยีเภสัชกรรมเครื่องสำอาง และวิชาเลือกสาขาจุลชีววิทยา บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สาขาการตลาด จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ความเชี่ยวชาญ/ผลงาน อดีตเภสัชกรให้คำปรึกษาและแนะนำผลิตภัณฑ์ประจำร้านยา ประสบการณ์เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ กว่า 20 ปี
คำแนะนำจาก เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้โฟมล้างหน้าลดสิว ผู้ใช้ควรปฏิบัติตามคำเเนะนำ จากเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ดังต่อไปนี้
ไม่ควรล้างหน้า หรือขัดหน้าบ่อยเกินไป
ควรล้างหน้าเพียงแค่ 2 ครั้งต่อวัน คือช่วงเช้าและก่อนนอน เนื่องจากหากล้างหน้าบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น จนทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่หายไป อีกทั้งยังไม่ควรขัดหน้าบ่อยเกินไปเช่นกัน เพราะการขัดหน้าอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองซึ่งมีส่วนกระตุ้นที่ทำให้เกิดสิวได้ แนะนำให้ขัดหน้าเพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
ไม่ควรใช้น้ำร้อน หรือน้ำเย็นจัดในการล้างหน้า
น้ำร้อนจัดอาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคืองได้ เมื่อผิวแห้งจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งความมันเป็น 1 สาเหตุของการเกิดสิว ส่วนน้ำเย็นจัดสามารถช่วยลดอาการบวมได้ ทั้งนี้แนะนำให้ใช้เฉพาะจุด และไม่แนะนำให้ใช้น้ำเย็นจัดล้างหน้าเป็นประจำเพราะอาจทำให้เกิดการระคายได้ น้ำอุณหภูมิห้องจึงเหมาะแก่การใช้ล้างหน้ามากที่สุด
ไม่ควรใช้โฟมล้างหน้าที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว
ก่อนเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามต้องคำนึงและเลือกใช้ให้เหมาะสภาพผิวของตนเอง ผู้ที่มีผิวแห้ง ผิวมัน และผิวผสม ล้วนมีโอกาสเกิดสิวได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องเลือกโฟมล้างหน้าลดสิวให้เหมาะกับสภาพผิวเพื่อลดโอกาสที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เพื่อให้ผิวมีความแข็งแรง ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้
สรุป
เพราะสิวเกิดจากปัจจัยที่หลากหลาย ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ความมันส่วนเกิน การอุดตันรูขุมขน สมดุลของแบคทีเรียและ การอักเสบ ทำให้สิวมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น การจัดการกับสิวตั้งแต่ขั้นตอนการล้างหน้าจึงเป็นการดูแลผิวที่ถูกวิธีตั้งแต่ขั้นตอนแรก โฟมล้างหน้าลดสิว ที่ดีจึงควรจัดการกับปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้การดูแลปราการผิวให้แข็งแรง ก็จะทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดสิวอักเสบรุนแรงได้อีกด้วย
เอกสารอ้างอิง:
-
เอกสารอ้างอิง:
- ความมันส่วนเกินบนใบหน้า
- ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัคร 57 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ โดยสถาบันวิจัยลอรีอัล ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ กุมพาพันธ์ 2021
- ผลการทดสอบทางคลินิกด้วยวิธี expert grader ในอาสาสมัคร 46 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ โดยสถาบันวิจัยลอรีอัล ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อ กุมพาพันธ์ 2021
- Protocol: A 12-week, single center, randomized, double-blind clinical study was conducted on 91 women and men, ages 13 - 40. Subjects were prescribed Adapalene (0.3%)/Benzoyl Peroxide(2.5%) Gel. The adjunctive treatment cell used Foaming Cleanser and PM Facial Moisturising Lotion.
- Choi MJ, Maibach HI. Role of ceramides in barrier function of healthy and diseased skin. Am J Clin Dermatol. 2005;6(4):215-223.
- Huang H-C, Chang T-M, Ceramide 1 and ceramide 3 act synergistically on skin hydration and the transepidermal water loss of sodium lauryl sulfate-irritated skin, Int’l J of Dermatology, 2008, 47, 812–8193
- Di Nardo, A., Ungino, K., et. al., Sodium lauryl sulfate (SLS) induced irritant contact dermatitis, Contact Dermatitis, 1996, 35, 86-91.