ครีมทาผิวเพื่อผิวแห้งสำหรับคนที่อยู่ห้องแอร์เป็นประจำ
SPF
Banner Image

สรุปโดยย่อ:

เมื่อเราอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ชั้นผิวหนังย่อมมีการสูญเสียน้ำและความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ สังเกตได้เลยว่า ผิวจะแห้ง ผิวลอก รู้สึกแห้งตึง ไม่สบายผิว หน้าแห้ง เกิดริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ ที่เกิดจากผิวขาดน้ำ สิ่งเหล่านี้จะยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นถ้าเราอยู่ในห้องแอร์นานกว่า 4 ชั่วโมง เช่น คนที่ทำงานในออฟฟิศสำนักงาน ตลอดทั้งวัน และถ้าเราไม่ดูแลผิว ไม่ป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว ปัญหาผิวลอก หน้าลอก ตามมาอย่างแน่นอน ทำให้ผิวหยาบกร้าน ลูบผิวแล้วรู้สึกสากมือ ไม่น่าสัมผัส หากปล่อยปละละเลยมากยิ่งขึ้น มีโอกาสที่จะเราจะไปเผลอเกา แล้วทำให้เกิดปัญหาผื่นขึ้นหน้า หรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อีกด้วย

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศเมืองร้อน (ซึ่งก็อาจจะมีฝนตกหนักบ้าง แต่ก็ยังร้อนอยู่ดี) หลาย ๆ คนจึงต้องใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ เช่น เช้ามาก็ต้องทำงานอยู่ในห้องแอร์ บ่ายก็อยู่ห้องแอร์ แถมกลางคืนก็ยังนอนห้องแอร์อีก ยิ่งถ้าเราดูแลผิวได้ไม่ดีปัญหาผิวแห้ง ผิวลอก หน้าแห้ง หน้าลอก เป็นขุยจึงหนีไม่พ้นอย่างแน่นอน คอนเทนท์นี้จะมาแนะนำครีมทาผิว สำหรับคนที่ต้องกิน อยู่ หลับนอน อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ

ชั้นปราการผิวสำคัญอย่างไรสำหรับคนอยู่ห้องแอร์

ชั้นปราการผิวมีความสำคัญ ต่อร่างกายของเราหลายอย่าง อาทิ ปกป้องร่างกายของเราจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ฝุ่น ควัน มลภาวะ เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดโรค รวมไปถึง สารเคมี สารก่อการระคายเคือง สารก่อภูมิแพ้ และในขณะเดียวกัน ชั้นปราการผิวก็ยังช่วยป้องกันการระเหยของน้ำและความชุ่มชื้นออกจากผิวได้อีกด้วย

ปัจจัยที่รบกวนชั้นปราการผิว

ชั้นปราการผิวสามารถถูกรบกวนได้ด้วยปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม และไลฟ์สไตล์ของเราเอง ยกตัวอย่างคนที่อยู่ห้องแอร์เป็นประจำ จะมีการระเหยของน้ำออกจากผิวมากกว่าปกติ หรือคนที่อาบน้ำอุ่นเป็นประจำ, อาบน้ำนานเกินไป หรือใช้คลีนเซอร์ที่มีความเป็นด่าง (ซึ่งอาบเสร็จแล้วจะรู้สึกแห้งและตึงผิว) ชั้นปราการผิวที่ถูกรบกวนให้เสียสมดุลไปจะทำให้ไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ที่ผิวได้เหมือนเคย สังเกตได้เลยว่า คนที่ทั้งอาบน้ำนาน อาบน้ำอุ่น หรือใช้คลีนเซอร์ที่เป็นด่าง และตอนกลางคืนก็นอนห้องแอร์ด้วย ผิวจะยิ่งแห้งมากกว่าคนทั่วไป

สมดุลผิวและเซราไมด์ในผิว

ถ้าเรามองลึกลงไปอีกนิด ปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นไปทำให้สมดุลของเซราไมด์ในผิวของเราเสียไปนั่นเอง เซราไมด์ซึ่งเป็นไขมันชนิดที่มีประโยชน์ต่อผิว ปกติจะช่วยทำให้เซลล์ผิวยึดเกาะกันได้อย่างแข็งแรง และอุดรอยรั่ว ช่องโหว่ต่าง ๆ ระหว่างเซลล์ผิว น้ำจึงระเหยออกจากผิวได้น้อย แต่เมื่อเซราไมด์มีปริมาณลดน้อยลง ทำให้เกิดช่วงโหว่ขึ้นระหว่างเซลล์ผิวหนัง และน้ำระเหยออกมากขึ้นประกอบกับการที่เซลล์ผิวยึดเกาะกันได้ไม่ดีเหมือนเดิม ผิวชั้นบนจึงรู้สึกแห้ง ตึง ไม่สบายผิว และลอกเป็นขุยในที่สุด

ความแข็งแรงของชั้นปราการผิว

จะเห็นได้เลยว่า ความแข็งแรงของชั้นปราการผิวมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากที่จะทำให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี อีกทั้งกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ผิวจึงเนียนนุ่ม และชุ่มชื้นตลอดเวลา ดังนั้นเราจึงควรดูแลชั้นปราการผิวให้แข็งแรงและมีสุขภาพดี ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว ที่มีส่วนผสมของ เซราไมด์ ที่จำเป็นต่อผิวทั้ง 3 ชนิด ได้แก่ เซราไมด์ 1,3,6-II ซึ่งถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด เพราะมีอยู่ในผิวมากถึง 50% การเติมเซราไมด์ทั้ง 3 ชนิดนี้กลับเข้าสู่ผิว จะช่วยดูแลชั้นปราการผิวให้กลับมาแข็งแรง ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวได้ดีขึ้น เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ โดยการดูแลผิวควรเริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวเลยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเลือกครีมทาผิว และคลีนเซอร์ สำหรับคนที่อยู่ห้องแอร์เป็นประจำ

การเลือกใช้คลีนเซอร์และครีมทาผิวสำหรับคนที่อยู่ห้องแอร์เป็นประจำ มีสิ่งสำคัญ 2 อย่างครับ ได้แก่

1.ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการเคลือบผิวมากกว่าสูตรทั่วไป เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิว รักษาสมดุลการทำงานของชั้นปราการผิวได้ดียิ่งขึ้น

2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการปลดปล่อยความชุ่มชื้นสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อคงความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างยาวนาน ไม่ต้องมาคอยทาครีมหรือโลชั่นกันบ่อยๆ

แนะนำผลิตภัณฑ์ เซราวี ไฮเดรติ้ง คลีนเซอร์

โดยคลีนเซอร์นั้นแนะนำ เซราวี ไฮเดรติ้ง คลีนเซอร์ เพราะเป็นสูตรไม่มีฟอง เพื่อลดโอกาสที่จะไปทำลายชั้นปราการผิว อีกทั้งยังได้รับการรับรองจากสถาบัน NEA (National Eczema Association) อีกด้วย จึงมั่นใจได้ในความอ่อนโยน ว่าแม้ผู้ที่มีปราการผิวถูกทำร้ายก็สามารถใช้ได้อย่างสบายใจ วิธีใช้คือ นวดเนื้อคลีนเซอร์ซึ่งจะเป็นครีมสีขาวบนผิวหน้าหรือผิวกายที่เปียกน้ำหมาด ๆ อย่างเบามือ อย่างน้อย 30 วินาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด (ไม่แนะนำให้ใช้น้ำอุ่นหรือน้ำร้อน ควรอาบน้ำหรือล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ) หลังใช้จะรู้สึกได้เลยว่า มีฟิล์มของความชุ่มชื่นเคลือบคลุมผิวอยู่บา งๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึก นุ่ม และสบายผิวมาก ๆ แต่จะไม่มีความรู้สึกลื่นผิวเกินไปเหมือนล้างออกไม่หมด ฟิล์มนี้จะช่วยเสริมการทำงานของชั้นปราการผิว ป้องกันการระเหยของน้ำออกจากผิวได้ดียิ่งขึ้น

แนะนำผลิตภัณฑ์ เซราวี มอยส์เจอร์ไรซิ่ง ครีม

หลังจากอาบน้ำ/ล้างหน้าและซับผิวจนแห้งแล้ว ให้รีบลงครีมทาผิวทันที สำหรับผิวกายแนะนำ เซราวี มอยส์เจอร์ไรซิ่ง ครีม สูตรเข้มข้นที่มีคุณสมบัติในการเคลือบคลุมผิวมากเป็นพิเศษ จึงเหมาะสำหรับคนที่อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ แม้ว่าเนื้อครีมจะดูเข้มข้น แต่ด้วยคุณสมบัติของ MVE technology ทำให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ให้สัมผัสที่เรียกว่า powdery touch สบายผิวเหมือนทาแป้ง ดังนั้นสามารถทาครีมเสร็จแล้วสวมใส่เสื้อผ้าต่อได้เลย ไม่เหนอะหนะ ไม่ติดผิว หรือเวลาห่มผ้าก็รู้สึกสบาย ผ้าห่มไม่เกาะติดตัว

แนะนำผลิตภัณฑ์ เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM)

และสำหรับผิวหน้า แนะนำ เซราวี เฟเชี่ยล มอยส์เจอร์ไรซิ่ง พีเอ็ม (PM) ซึ่งในสูตรนี้จะมีส่วนผสมพิเศษ คือ 4% ไนอาซินาไมด์ ที่มีส่วนช่วยในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบของผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ จึงเหมาะที่จะดูแลผิวหน้าที่ขาดความชุ่มชื้น แห้ง กร้าน ลอกเป็นขุย อีกทั้งไนอาซินาไมด์ยังมีคุณสมบัติช่วยลดความหมองคล้ำได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่ง must have item สำหรับคนที่ต้องอยู่ห้องแอร์เป็นประจำเลยก็ว่าได้

เซราวี ยืนหนึ่งเรื่องความชุ่มชื่น

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์จากเซราวี ยังยืนหนึ่ง เรื่องการส่งต่อความชุ่มชื่นสู่ผิวต่อเนื่องยาวนาน ด้วยนวัตกรรม MVE เทคโนโลยี ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของเซราวี^ การันตีความชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง ทำให้คุณไม่ต้องมาคอยทาครีมกันบ่อย ๆ เทคโนโลยีนี้ เป็นการควบคุมการปลดปล่อยสารให้ความชุ่มชื่นสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง (หรือที่เรียกว่า time-release) อนุภาคของเนื้อครีม เมื่อส่องกล้องจุลทรรศน์ดู จะพบว่ามีการเรียงตัวเป็นชั้นๆ ซ้อนกันคล้ายเปลือกของหัวหอมที่เรียงซ้อนกัน และจะมีการปล่อยสารให้ความชุ่มชื้นออกมาทีละชั้น ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งเคล็ดลับในการบำรุงผิวเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดคือ หลังจากอาบน้ำ ซับผิวให้แห้งแล้ว อย่าลืมทาครีมทันที (ไม่ควรปล่อยให้ผิวแห้งเกิน 3 นาที หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ 3-minute rule นั่นเอง)

เซราวี ตัวช่วยเสริมปราการของผิว

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจากเซราวี สามารถช่วยเสริมปราการผิว สำหรับหรับคนที่อยู่ในห้องแอร์เป็นประจำได้อย่างมั่นใจ เพราะประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ช่วยเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง อาทิ

  1. เซราไมด์ 1 : เสริมความแข็งแรงของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ผิว
  2. เซราไมด์ 3 : ช่วยคงความชุ่มชื่นในระยะยาว
  3. เซราไมด์ 6-II : เป็น Natural Moisturizing Factor หรือ สารที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวตามธรรมชาติ

อีกทั้ง ทุกสูตรของเซราวี ยังมาพร้อมกับความปลอดภัย ใช้ได้กับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวที่บอบบาง มีแนวโน้มระคายเคืองง่าย เพราะเป็นสูตร Hypoallergenic, ปราศจากน้ำหอม, สารแต่งสี, สารกันเสียพาราเบนอีกด้วย ทุกสูตรไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (non-comedogenic)

สรุป

คนที่ต้องอยู่ในห้องแอร์เป็นประจำ ทำงานในห้องแอร์ นอนห้องแอร์ ควรปกป้องผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้นให้ครบทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใส่เสื้อผ้าที่ช่วยปกปิดผิวจากอากาศแห้งและลมหนาว จิบน้ำเรื่อย ๆ ในช่วงที่อยู่ในห้องแอร์ และให้ครบวันละ 1.5-2 ลิตร ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ เช่น การหลีกเลี่ยงอาบน้ำที่อุณหภูมิสูงไป หรือใช้คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนต่อผิว รวมถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมชั้นปราการผิวให้แข็งแรง ด้วยเซราไมด์ ที่จำเป็นต่อผิวทั้ง 3 ชนิด มีส่วนผสมของสารที่ช่วยเคลือบคลุมผิวเพื่อลดการระเหยของน้ำออกจากผิว และควรมีเทคโนโลยี MVE ที่ช่วยส่งต่อความชุ่มชื้นสู่ผิวอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง เพื่อผิวที่แข็งแรง สุขภาพดี เนียนนุ่มและชุ่มชื่นไปอีกนาน

^ US Patent 6,709,663

Message
Download Chrome